เม็กซิโกโรแมนติก: ตอนที่ 2 ปิรามิด ถนนแห่งความตายและเมืองที่สาบสูญ
เมืองโบราณที่เริ่มต้นตั้งแต่ 100 ปีก่อนคริสตกาล และล่มสลายไปตั้งแต่ 700 ปีหลังคริสตกาล ยังคงลึกลับ ไม่รู้ชื่อ ไม่รู้ที่มา และไม่รู้สาเหตุของการล่มสลายที่แน่นอน เป็นเพียงซากปรักตั้งแต่ก่อนที่ชาว Aztec จะครอบครองดินแดนนี้
นั่นคือนับพันปี ก่อนจะมีเมืองพระนครในกัมพูชาด้วยซ้ำ สิ่งที่เคยเกิดขึ้น ณ ที่แห่งนี้ยังคงเป็นปริศนาของนักประวัติศาสตร์ ผู้เขียนไม่ใช่นักประวัติศาสตร์ เป็นแค่นักเดินทางที่อ่านภาษาสเปนไม่ออก เพราะฉะนั้นจะไม่พูดเกินกว่าที่เป็นข้อสรุปหรือข้อสันนิษฐาน ส่วนใครที่ศึกษาเรื่องชาว Maya / Aztec และดินแดน Mesoamerica ก็มาเม้าส์กันได้นะครับ
หลายร้อยปีหลังการล่มสลายของเมือง ที่นี่ก็มีชื่อที่ตั้งกันภายหลังว่า Teotihuacan (ติโอติวากัน) มาจากภาษา Nahuatl แปลว่า 'ดินแดนของพระเจ้า'
ประเมินจากโครงสร้าง นักวิชาการคาดว่าเมืองนี้เคยมีผู้อยู่อาศัยมากกว่า 125,000 คน เป็นอย่างน้อย เป็นเมืองที่พลเมืองมากที่สุดในทวีปอเมริกา และเป็นเมืองที่มีพลเมืองมากที่สุดในโลกอันดับที่ 6 เมื่อเทียบกับเมืองที่ร่วมยุคสมัย
เมืองมีโครงสร้างซับซ้อน มีทั้งกลุ่มสิ่งก่อสร้างทางความเชื่อและกลุ่มของที่อยู่อาศัย ซึ่งมีลักษณะเหมือนอพาร์ทเม้น ไว้รองรับจำนวนคนมากมายในเมือง
จุดเด่นอยู่ที่ปิรามิดขนาดใหญ่ 2 แห่ง ที่ชื่อปิรามิดแห่งสุริยัน หรือ Pyramid of the Sun และ ปิรามิดแห่งจันทรา หรือ Pyramid of the Moon
Pyramid of the Sun
Pyramid of the Moon
ทั้งเมืองจะเชื่อมโยงทั้งเมืองด้วยถนนสาวยาวเหยียด ที่ชื่อว่าถนนแห่งความตาย หรือ The Avenue of the Dead โดยมีสองข้างทางเป็นเขตที่อยู่อาศัย ลานกว้าง และปิรามิดขนาดเล็กๆ มากมาย
The Avenue of the Dead และ Pyramid of the Moon
อณาบริเวณกว้างมากนะครับ มีอะไรให้ดูมากมายตามความสนใจ ทั้งในส่วน Outdoor และ พิพิธภัณฑ์ Indoor จะเดินให้ทั่ว จะใช้เวลาครึ่งหรือค่อนวัน
ภาพสีส่วนที่ยังพอมีหลงเหลือให้ชมนะครับ มนุษย์เมื่อ 2 พันว่าปีก่อน วาดรูปเสือจากัวร์ไว้แบบนี้
Jaguar mural
สำรองน้ำดื่มและอาหาร Picnic ไว้เลยนะครับ ในเขตอุทยานประวัติศาสตร์ ไม่มีขายทั้งอาหารและเครื่องดื่ม ถ้าจะซื้อน้ำเปล่า จะต้องเดินออกนอกพื้นที่อุทยาน แม้จะมีทางเข้า-ออกหลายทาง แต่ว่าทางเดินก็ไกลพอสมควรครับ
อากาศจะเย็น แต่คุณจะไม่ได้หลบแดดเลยอีกหลายชั่วโมง เพราะสถานที่เปิดโล่งแบบนี้ ผู้เขียนพบว่า น้ำดื่มที่เตรียมมาคนละขวดนั้นหมดตั้งแต่ยังไม่ได้เดินขึ้นยอดปิรามิดด้วยซ้ำ
ปิรามิดแห่งสุริยัน ตอนมองจากไกลๆ ก็ไม่คิดว่าจะสูงเท่าไร แต่พอมาใกล้ๆ เห็นทางขึ้นแล้วก็แอบหวั่นใจ
ปิรามิดอันที่ใหญ่กว่าคือปิรามิดแห่งสุริยัน ใช้กำลังกายพอสมควรเลยที่จะขึ้นไปให้ถึงด้านบน
ทำท่าจะร้องไห้หลายรอบแล้ว แต่คุณแม่สั่งว่าห้ามหยุด หนูน้อยก็จำใจสู้ต่อ จึงสภาพเหมือนวิญญาณออกจากร่างไปแล้ว แต่เห็นน้องเค้าลอยไปเรื่อยๆ จนถึงยอดได้เหมือนกันนะ
ตอนแรก ผู้เขียนหลอกตัวเองให้พอใจตั้งแต่ขั้นกลางๆ แล้ว แต่ก็ทนเดินต่อจนถึงยอดมาได้
จากด้านบน Pyramid of the Sun จะมองเห็นทั่วทั้งเมือง Teotihuacan และเมือง San Juan Teotihuacan ที่อยู่รอบๆ ด้วย
ปลายสุดทางอีกฝั่ง นั้นคือทางเข้าอุทยานที่เราเดินกันมา
มองไปจะเห็นปิรามิดแห่งจันทรา ที่หลังเล็กกว่า
ชมวิว พักเหนื่อย แล้วก็เดินลงกัน
เดินต่อไปปิรามิดแห่งจันทรา
เมืองนี้มีหลักฐานการถูกไฟไหม้ครั้งใหญ่ในช่วงประมาณ 500 ปีหลังคริสตกาล แต่ยังมีผู้อยู่อาศัยต่อไปอีกประมาณ 200 ปี สร้างข้อสันนิษฐานถึงการล่มสลายได้หลายอย่าง เช่น การพ่ายแพ้สงครามกับเมืองอื่น ภัยธรรมชาติ หรือการปฏิวัติหรือสงครามภายในเอง
ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลไหน เมืองนี้ก็ถูกทิ้งร้างไปอีกหลายร้อยปี
ส่วนที่สวยที่สุด จะอยู่บนยอดของ Pyramid of the Moon ที่มองเห็น Avenue of the Dead เป็นทางยาวสุดสายตา และมองเห็น Pyramid of the Sun ซึ่งเป็นปิรามิดขนาดใหญ่ได้ชัดเต็มๆ
ผู้เขียนไปขึ้นยอดปิรามิดแห่งจันทราไม่ทัน เนื่องจากปิดพื้นที่อุทยานเวลา 17:00 พอลงจากปิรามิดแห่งสุริยัน เดินไปถึงบันไดขึ้นปิรามิดแห่งจันทรา เจ้าหน้าที่ประกาศเวลาปิดพอดีครับ
ไม่เป็นไร มาชมปิรามิดแห่งจันทราใกล้ๆ กันครับ ถึงจะเล็กกว่า แต่ก็ไม่เล็กนักหรอกครับ โครงสร้างและรายละเอียดสวยมากด้วยครับ
ชาว Aztec ได้เข้ามาครอบครองเมืองที่ล่มสลายไปแล้วแห่งนี้ในภายหลัง และยังรับอิทธิพลทางด้านศิลปะการก่อสร้างจากที่แห่งนี้ด้วย แม้จะเป็นเมืองที่ไร้ผู้คน ก็ยังทำหน้าที่ส่งผ่านอารยะธรรมได้
ปัจจุบัน ยังไม่ได้ข้อสรุปถึงชนชาติที่สร้างเมืองนี้ขึ้นมา ไม่ว่าจะชาวมายา หรือ Aztec หรือชนพื้นเมืองอื่นๆ ที่หลักฐานหลายอย่างบ่งชี้ว่าเมืองนี้ไม่ใช่เมืองของผู้อยู่อาศัยชนชาติใดชาติหนึ่ง แต่เป็นหลากหลายชาติพันธุ์ ทั้งชาว Otomi, Zapotec, Mixtec, Maya, และ Nahua
รูปปั้นเทพี ผู้เฝ้ามองเห็นเหตุการณ์อยู่ตรงนี้มามากกว่าสองพันปี เทพีเคยมีหน้า มีตา มีปาก แต่กาลเวลาทำให้จืดจางจน ใกล้จะกลับมาเป็นก้อนหินกลมๆ ธรรมดาเสียแล้ว
Goddess
การเดินทาง
เป็น Day trip ง่ายๆ จากเม็กซิโกซิตี้ เดินทางง่ายๆ ใช้เวลาเดินทางแค่ 1 ชั่วโมง โดยรถบัสประจำทาง หรือ 45 นาทีโดยรถส่วนตัว หรือแท็กซี่ เดินทางออกนอกตัวเมืองเม็กซิโกซิตี้ ชมวิวชานเมืองไปเพลินๆ สักพักก็จะเข้าเขตทะเลทราย เปลี่ยนมาชมวิวต้นกระบองเพชรแทน สักพักก็ถึง
โบราณสถานแห่งนี้ตั้งอยู่ในเมืองที่ชื่อ ซานฮวนติโอติวากัน (San Juan Teotihuacan) เป็นเมืองเล็กๆ สีสันสวยๆ ใครจะแวะเที่ยวที่นี่ด้วยก็ได้นะครับ
ส่งท้ายด้วยภาพนกทะเลทรายตั๋วจิ๋วๆ สีแดงแจ๊ด
ตอนนี้สั้นๆ แต่ตอนหน้าน่าจะยาวหน่อยครับ จะพาขึ้นที่ราบสูงตอนกลางของเม็กซิโกและเคาะประตูบ้านชนพื้นเมืองกัน
Comments